สาเหตุและวิธีแก้ไขเมื่อเด็กหายใจครืดคราด

by admin
20 views

การที่ เด็กหายใจครืดคราด สามารถเป็นสัญญาณของปัญหาทางสุขภาพหลายประการ ซึ่งบางครั้งอาจเป็นเรื่องธรรมดา แต่บางครั้งก็อาจต้องการการดูแลอย่างเร่งด่วนจากแพทย์ เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับอาการนี้มากขึ้น บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลทางการแพทย์เชิงลึกเกี่ยวกับสาเหตุและวิธีการจัดการเมื่อพบว่า เด็กหายใจครืดคราด

สาเหตุที่ทำให้เด็กหายใจครืดคราด

 

ไข้หวัดและไวรัสต่างๆ

ไข้หวัดเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดที่ทำให้เด็กมีอาการไอและหายใจครืดคราด โดยทั่วไปแล้ว อาการนี้จะหายได้เองภายใน 7-10 วันด้วยการดื่มน้ำมากๆ และพักผ่อน

โรคไวรัสอื่นๆ เช่น ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) และโรคมือเท้าปาก (Hand, Foot, and Mouth Disease) ก็สามารถทำให้เด็กมีอาการหายใจครืดคราดได้เช่นกัน

 

การสำลัก

หากเด็กเริ่มไอโดยไม่มีอาการเจ็บป่วยก่อนหน้านี้ อาจเกิดจากการสำลัก การสำลักเป็นสถานการณ์ที่ต้องการการรักษาเร่งด่วน เพราะอาจทำให้ทางเดินหายใจถูกอุดกั้น

 

ครูป (Croup)

ครูปคือการอักเสบของทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้เกิดอาการไอเสียงเหมือนสุนัขเห่า และหายใจครืดคราด เนื่องจากทางเดินหายใจบวม อาการมักรุนแรงในเวลากลางคืน

 

หลอดลมอักเสบ (Bronchiolitis)

การติดเชื้อในหลอดลมขนาดเล็ก (Bronchioles) ทำให้เกิดการอักเสบและมีเมือกสะสมในทางเดินหายใจ ทำให้เด็กหายใจครืดคราด มักพบในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus)

 

ควันบุหรี่

การสูบบุหรี่ในบ้านหรือรถทำให้เด็กเสี่ยงต่อปัญหาทางเดินหายใจมากขึ้น ควันบุหรี่มีสารพิษที่สามารถทำให้เกิดการอักเสบในทางเดินหายใจของเด็ก

 

โรคภูมิแพ้ (Hay Fever)

โรคภูมิแพ้ทำให้มีอาการไอ จาม น้ำมูกไหล และหายใจครืดคราด เกิดจากการแพ้ฝุ่น ขนสัตว์ หรือเกสรดอกไม้

 

โรคหอบหืด (Asthma)

โรคหอบหืดเป็นโรคเรื้อรังที่ทำให้ทางเดินหายใจแคบลงและเกิดการอักเสบ ทำให้ไอและหายใจครืดคราด โดยเฉพาะในเวลากลางคืนหรือหลังออกกำลังกาย

ไอกรน (Whooping Cough)

ไอกรนเป็นโรคติดเชื้อที่ทำให้เกิดการไอรุนแรงตามด้วยเสียงหายใจเข้าเหมือนเสียงหวีด โรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน

 

ปอดบวม (Pneumonia)

การติดเชื้อในปอดทำให้ไอ มีไข้สูง หายใจลำบาก และหายใจครืดคราด อาการนี้มักรุนแรงและต้องการการรักษาโดยแพทย์

 

การดูแลเบื้องต้นเมื่อเด็กหายใจครืดคราด

เมื่อ เด็กหายใจครืดคราด และอาการไม่รุนแรง สามารถดูแลได้ที่บ้านด้วยวิธีดังต่อไปนี้

 

การปลอบใจลูก

การทำให้ลูกสงบและสบายใจเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการหายใจครืดคราดมักทำให้เด็กกลัวและยิ่งทำให้หายใจลำบากขึ้น พยายามทำให้ลูกนั่งในท่าที่สบายและให้ความอบอุ่น

 

ให้ดื่มน้ำบ่อยๆ

การดื่มน้ำมากๆ จะช่วยให้ลำคอชุ่มชื่นและบรรเทาอาการไอได้ น้ำอุ่นหรือน้ำผสมน้ำผึ้งอาจช่วยลดการระคายเคืองในลำคอ

 

เพิ่มความชื้นในอากาศ

การใช้น้ำมันหอมระเหยหรือเครื่องเพิ่มความชื้นในห้องนอนจะช่วยให้หายใจได้สะดวกขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศแห้ง

 

หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้

หากลูกแพ้ฝุ่น ขนสัตว์ หรือเกสรดอกไม้ ควรทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอและหลีกเลี่ยงการนำลูกไปในพื้นที่ที่มีสารก่อภูมิแพ้

 

หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ในบ้านหรือรถ

การสูบบุหรี่ทำให้เด็กเสี่ยงต่อปัญหาทางเดินหายใจมากขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ใกล้เด็ก

 

เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์

หาก เด็กหายใจครืดคราด และมีอาการดังต่อไปนี้ ควรพาลูกไปพบแพทย์ทันที

  • หายใจลำบากหรือหายใจเร็ว
  • หายใจมีเสียงครืดคราดแม้ไม่ได้ร้องไห้
  • ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีฟ้าหรือซีดมาก
  • เด็กดูเหนื่อยง่ายผิดปกติ
  • มีไข้สูงกว่า 37°C
  • ปฏิเสธการกินอาหารหรือดื่มน้ำ
  • อาการไอไม่ดีขึ้นหลังจาก 1 สัปดาห์

การรักษาทางการแพทย์สำหรับอาการหายใจครืดคราด

 

ยาขยายหลอดลม (Bronchodilators)

ยาขยายหลอดลมช่วยให้ทางเดินหายใจเปิดขึ้น ลดอาการหายใจลำบากและหายใจครืดคราด มักใช้ในกรณีที่เด็กมีอาการหอบหืดหรือหลอดลมอักเสบ

 

ยาสเตียรอยด์ (Steroids)

ยาสเตียรอยด์ช่วยลดการอักเสบในทางเดินหายใจ ทำให้หายใจได้สะดวกขึ้น มักใช้ในกรณีที่เด็กมีอาการครูปหรือหลอดลมอักเสบ

 

ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics)

ยาปฏิชีวนะใช้ในการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น ปอดบวม แต่ไม่ใช้กับการติดเชื้อไวรัส

 

การพ่นยา (Nebulization)

การพ่นยาเป็นวิธีที่ช่วยให้ยาเข้าสู่ปอดได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับเด็กที่มีอาการหายใจครืดคราดรุนแรง

 

การป้องกันปัญหาการหายใจครืดคราดในเด็ก

 

การฉีดวัคซีน

การฉีดวัคซีนช่วยป้องกันโรคต่างๆ ที่ทำให้เด็กมีอาการหายใจครืดคราด เช่น ไอกรน และปอดบวม

 

การรักษาสุขอนามัย

ล้างมือบ่อยๆ และสอนลูกให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

 

การหลีกเลี่ยงสิ่งก่อภูมิแพ้

รักษาความสะอาดในบ้านและหลีกเลี่ยงการนำลูกไปในพื้นที่ที่มีสารก่อภูมิแพ้

 

การหลีกเลี่ยงควันบุหรี่

หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ใกล้เด็กและห้ามสูบบุหรี่ในบ้านหรือรถ

 

การเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

ให้ลูกกินอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำมากๆ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

 

สรุป

การที่ เด็กหายใจครืดคราด อาจเป็นสัญญาณของปัญหาทางสุขภาพหลายประการ การเข้าใจถึงสาเหตุและวิธีการดูแลที่เหมาะสมจะช่วยให้พ่อแม่สามารถดูแลลูกได้อย่างมั่นใจและลดความกังวลได้ หากคุณมีความกังวลเกี่ยวกับอาการของลูก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการดูแลที่เหมาะสม

 

อัปเดทข่าวใหม่ทุกวัน

Familygood  เว็บไซต์รวบความรู้เกี่ยวกับแม่และเด็ก เทคนิคการเลี้ยงลูกให้มีสุขภาพแข็งแรง อัพเดทข่าวสารใหม่ทุกวัน

ติดต่อเรา

@2024 – All Right Reserved. Designed and Developed by familygood