ลูกไอมีเสมหะ เป็นสัญญาณอันตรายหรือไม่?

by admin
20 views

การที่ ลูกไอมีเสมหะ อาจทำให้พ่อแม่กังวลมากเมื่อเห็นลูกมีอาการเช่นนี้ ในความเป็นจริง การไอเป็นเพียงกลไกหนึ่งของร่างกายที่ช่วยกำจัดเสมหะและสิ่งระคายเคืองออกจากทางเดินหายใจ อย่างไรก็ตาม การรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน

ลูกไอมีเสมหะ สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และบางครั้งอาจเป็นสัญญาณของการเจ็บป่วยที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ มาดูกันว่าอาการไอแต่ละแบบหมายถึงอะไร และควรต้องทำอย่างไรบ้าง

 

ประเภทของการไอในเด็ก

  • ไอเสียงเหมือนสุนัขเห่า: ไอเสียงลึกเหมือนเสียงเห่าของสุนัขหรือแมวน้ำ มักเกิดจากโรคครูป (Croup)
  • ไอเสียงหวีด: ไอเป็นชุดสั้นๆ รุนแรง แล้วตามด้วยเสียงหายใจเข้าเหมือนเสียงหวีด มักเกิดจากโรคไอกรน (Whooping cough)
  • ไอและเสียงหวีด: มีเสียงหวีดแหลมเวลาหายใจ มักเกิดจากโรคหอบหืดหรือทางเดินหายใจถูกบีบ
  • ไอแห้ง: ไม่มีเสมหะหรือเมือก มักเกิดจากการระคายเคืองจากอากาศแห้ง หรือสารก่อภูมิแพ้
  • ไอมีเสมหะ: มีเสมหะหรือเมือกออกมา มักเกิดจากการติดเชื้อในทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด หรือปอดบวม
  • ไอต่อเนื่อง: ไอต่อเนื่องนานกว่า 3 สัปดาห์ และอาจรุนแรงขึ้น
  • สาเหตุที่ทำให้ลูกไอมีเสมหะ
  • ไข้หวัด: ไข้หวัดธรรมดามักทำให้ ลูกไอมีเสมหะ และเสียงไอออกมาจากอก มักหายได้เองด้วยการดื่มน้ำมากๆ และพักผ่อน
  • ภูมิแพ้: อาการภูมิแพ้เช่นตาแดง น้ำมูกไหล ไอ และคัดจมูก มักเกิดขึ้นในช่วงฤดูกาลเปลี่ยนแปลง หากอาการไม่หายหลังจากสองสัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์
  • RSV: โรคติดเชื้อทางเดินหายใจรุนแรงในเด็กเล็ก มักทำให้หายใจลำบากและต้องพบแพทย์ทันที
  • หลอดลมอักเสบ: หลอดลมอักเสบทำให้มีเมือกสะสมในทางเดินหายใจเล็กๆ ทำให้หายใจลำบากและมีเสียงหวีด มักเกิดในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี
  • ปอดบวม: การติดเชื้อในปอดทำให้ ลูกไอมีเสมหะ มีไข้สูง เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก และเบื่ออาหาร
  • โรคหอบหืด: โรคเรื้อรังที่ทำให้หายใจลำบาก เสียงหวีดเมื่อหายใจออก และอาจเกิดจากการสัมผัสสิ่งก่อภูมิแพ้ หรือออกกำลังกาย
  • ครูป: โรคที่ทำให้ทางเดินหายใจบวม ทำให้หายใจลำบากและมีเสียงหวีด มักเกิดในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
  • ไอกรน: โรคติดเชื้อรุนแรงที่ทำให้มีการไอรุนแรงตามด้วยเสียงหายใจเข้าเหมือนเสียงหวีด

 

ทำไมลูกถึงไอหนักขึ้นในตอนกลางคืน?

ในตอนกลางคืน ลูกไอมีเสมหะ หนักขึ้นเพราะเมือกจากจมูกและไซนัสไหลลงคอเมื่อเด็กนอนราบ ทำให้เกิดการระคายเคืองและไอขึ้น การยกหัวลูกด้วยหมอนเสริมอาจช่วยลดอาการไอได้ การยกศีรษะจะช่วยให้คัดจมูกหายและลดอาการไอที่เกิดจากเมือก

 

อาการไอในตอนกลางคืนยังอาจเป็นสัญญาณของโรคหอบหืด หากลูกของคุณไอในตอนกลางคืนและไม่มีน้ำมูกหรือคัดจมูก ควรปรึกษาแพทย์

 

เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์?

หาก ลูกไอมีเสมหะ และอาการเหล่านี้ ควรพาลูกไปพบแพทย์ทันที

 

  • ไอรุนแรงและมีเสียงหวีด
  • หายใจลำบากหรือหายใจเร็ว
  • มีเสียงคลิกหรือฟองเมื่อหายใจเข้า
  • มีไข้สูงและไอรุนแรง
  • หายใจลำบากจนทำให้หน้าอกยุบลง
  • มีริมฝีปากหรือนิ้วเขียว
  • มีเสมหะสีเหลืองหรือเขียว
  • อาการไอไม่ดีขึ้นหลังจาก 1 สัปดาห์

 

วิธีช่วยบรรเทาอาการไอของลูก

ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด ต่อไปนี้คือวิธีบรรเทาอาการไอที่บ้าน

 

  • เพิ่มปริมาณของเหลวในร่างกาย: การดื่มน้ำมากๆ จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอและทำให้เสมหะง่ายต่อการขับออก
  • พักผ่อนในท่านั่ง: การยกศีรษะของเตียงด้วยหมอนจะช่วยให้ลูกพักผ่อนได้ง่ายขึ้น
  • เพิ่มความชื้นในอากาศ: การอาบน้ำอุ่นหรือใช้น้ำมันหอมระเหยอาจช่วยบรรเทาอาการหายใจลำบาก และเครื่องเพิ่มความชื้นในห้องนอนอาจช่วยได้
  • หลีกเลี่ยงสิ่งระคายเคือง: เช่น ควันบุหรี่ สารเคมี และฝุ่นหรือสารก่อภูมิแพ้
  • ให้ใช้ยาที่หาซื้อได้ตามร้านยาอย่างระมัดระวัง ยาระงับอาการไอมักทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี และไม่แนะนำสำหรับเด็ก อย่างไรก็ตาม เด็กอาจต้องการยาตามร้านเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดหรือไข้สูงกว่า 100.4F โปรดปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และควรปรึกษาแพทย์ก่อนให้ยากับเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี

 

การป้องกัน

การป้องกันโรคต่างๆ ที่ทำให้ f คือการรักษาสุขอนามัยที่ดี ล้างมือบ่อยๆ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งสกปรกหรือผู้ที่มีอาการป่วย

 

หากคุณกังวลเกี่ยวกับอาการไอของลูก ควรพาลูกไปพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะหากลูกหายใจลำบาก หรือต้องใช้แรงในการหายใจ

 

อัปเดทข่าวใหม่ทุกวัน

Familygood  เว็บไซต์รวบความรู้เกี่ยวกับแม่และเด็ก เทคนิคการเลี้ยงลูกให้มีสุขภาพแข็งแรง อัพเดทข่าวสารใหม่ทุกวัน

ติดต่อเรา

@2024 – All Right Reserved. Designed and Developed by familygood