อาหารสำหรับเด็ก 2 ขวบ ให้ประโยชน์ เหมาะกับช่วงวัย

by admin
18 views

ในวัย 2 ขวบ ลูกน้อยของคุณกำลังเริ่มมีพัฒนาการทั้งในด้านการพูดและทักษะทางสังคม และสามารถเป็นส่วนหนึ่งในมื้ออาหารของครอบครัวได้แล้ว ควรเลิกดื่มนมจากขวดและสามารถทานอาหารเหมือนกับคนในครอบครัวได้แล้ว อาหารสำหรับเด็กในวัยนี้ควรประกอบไปด้วยมื้ออาหารที่มีประโยชน์ 3 มื้อ และของว่าง 1-2 มื้อต่อวัน

ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับในการช่วยให้ลูกน้อยพัฒนานิสัยการกินที่ดีและปลอดภัย และได้รับสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต

 

เคล็ดลับมื้ออาหารสำหรับเด็ก

  • อย่าจับจ้องที่ปริมาณอาหารที่เด็กกินมากเกินไป: เด็กแต่ละคนมีความต้องการที่แตกต่างกัน การบังคับให้เด็กกินมากเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาการกินในอนาคต
  • หลีกเลี่ยงการทำให้มื้ออาหารเป็นสนามรบ: การกินควรเป็นประสบการณ์ที่น่าสนุกและผ่อนคลาย ไม่ควรมีการบังคับหรือข่มขู่
  • ส่งเสริมนิสัยการกินที่ดีโดยการนั่งทานอาหารพร้อมครอบครัว: เด็กจะเรียนรู้จากการดูและเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ใหญ่ในบ้าน
  • โฟกัสที่การเลือกอาหารที่มีประโยชน์: เลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสำหรับทั้งครอบครัว

 

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เสี่ยงต่อการสำลัก

ในวัย 2 ขวบ เด็กจะเริ่มใช้ช้อน ดื่มจากแก้วด้วยมือเดียว และสามารถทานอาหารหลายประเภทได้เอง แต่พวกเขายังคงเรียนรู้วิธีการเคี้ยวและกลืนอย่างมีประสิทธิภาพ การกลืนอาหารอย่างเร่งรีบเพื่อไปเล่นต่อสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการสำลักได้ ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้

 

  • ฮอทดอก (หากไม่ได้หั่นเป็นชิ้นยาวๆ)
  • เนยถั่วเป็นก้อน (สามารถทาบางๆ บนขนมหรือขนมปังได้)
  • ถั่ว โดยเฉพาะถั่วลิสง
  • เชอร์รี่ที่ยังมีเมล็ด
  • ขนมลูกอมที่เป็นเม็ดแข็ง เช่น เยลลี่บีน
  • หมากฝรั่ง
  • องุ่นทั้งผล
  • มาชเมลโล่
  • แครอทสด เซเลอรี่ ถั่วเขียวสด
  • ป๊อปคอร์น
  • เมล็ดพืช เช่น เมล็ดฟักทองหรือเมล็ดทานตะวัน
  • มะเขือเทศเชอร์รี่ องุ่น (ควรหั่นเป็นชิ้นยาวๆ)
  • ชิ้นใหญ่ของอาหารทุกชนิด เช่น เนื้อ มันฝรั่ง ผักผลไม้สด

 

อาหารสำหรับเด็ก ที่ควรทานในวัย 2 ขวบ

 

  • อาหารโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ไก่ ไข่ ถั่ว เมล็ดพืช และผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง
  • ผลิตภัณฑ์นม เช่น นม โยเกิร์ต ชีส หรือซอยมิลค์ที่มีการเสริมแคลเซียม
  • ผลไม้และผัก
  • ธัญพืช เช่น ขนมปังโฮลวีท และข้าวโอ๊ต

 

เป็นเรื่องปกติที่เด็กจะเลือกทานจากอาหารที่มีอยู่จำกัดหรือปฏิเสธอาหารบางอย่างไปเลย และจะเปลี่ยนแปลงรสนิยมของพวกเขาไปตามเวลา ไม่ควรบังคับให้เด็กกินสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการ วิธีที่ดีที่สุดคือให้เด็กเลือกจาก 2-3 ตัวเลือกที่มีประโยชน์ และค่อยๆ เสนออาหารใหม่เมื่อรสนิยมของพวกเขาเปลี่ยนไป

 

การเสนออาหารที่หลากหลายและให้เด็กเลือกเองจะทำให้พวกเขาสามารถกินอาหารที่มีความสมดุลได้เองในที่สุด เด็กๆ มักชอบทานอาหารด้วยตัวเอง ดังนั้น เมื่อเป็นไปได้ ควรเสนออาหารที่เด็กสามารถทานด้วยมือแทนอาหารที่ต้องใช้ส้อมหรือช้อน

 

วิตามินเสริมสำหรับเด็กบางคน

โดยทั่วไปแล้ว วิตามินเสริมไม่จำเป็นสำหรับเด็กที่ทานอาหารที่หลากหลาย ยกเว้นในบางกรณี

 

  • วิตามินดี: เด็กอายุต่ำกว่า 12 เดือนต้องการวิตามินดี 400 หน่วยสากล (IU) ต่อวัน และเด็กที่โตกว่าและวัยรุ่นต้องการ 600 IU ต่อวัน วิตามินดีในปริมาณนี้สามารถป้องกันโรคกระดูกอ่อน (rickets) ซึ่งเป็นโรคที่กระดูกอ่อนและอ่อนแอ หากลูกน้อยของคุณไม่ได้รับแสงแดดเพียงพอหรือไม่ได้ทานอาหารที่มีวิตามินดีพอ ควรปรึกษากับกุมารแพทย์เกี่ยวกับการเสริมวิตามินดี
  • เหล็ก: อาจจำเป็นต้องเสริมเหล็กหากลูกน้อยทานเนื้อน้อย ซีเรียลเสริมเหล็ก หรือผักที่มีเหล็กมาก หากเด็กดื่มนมปริมาณมาก (มากกว่า 32 ออนซ์ [960 มิลลิลิตร] ต่อวัน) อาจทำให้การดูดซึมเหล็กไม่เพียงพอ ทำให้เกิดภาวะขาดธาตุเหล็ก
  • แคลเซียม: เด็กควรดื่มนมไขมันต่ำหรือไม่มีไขมัน (หลังจากอายุ 2 ขวบ) ปริมาณ 16 ออนซ์ (480 มิลลิลิตร) ต่อวัน ปริมาณนี้จะให้แคลเซียมที่เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตของกระดูก และยังไม่ทำให้เกิดปัญหาในการรับประทานอาหารอื่นๆ โดยเฉพาะอาหารที่ให้เหล็ก

 

นอกจากนี้ เด็กควรดื่มนมเต็มมัน (whole milk) จนอายุ 2 ขวบ เว้นแต่มีเหตุผลที่จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นนมไขมันต่ำก่อน วิตามินดีช่วยในการดูดซึมแคลเซียม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการสร้างกระดูกที่แข็งแรง

 

การให้อาหารเด็กวัย 2 ขวบต้องคำนึงถึงความหลากหลายและคุณค่าทางโภชนาการเพื่อให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและพัฒนาการในช่วงวัยนี้ อาหารสำหรับเด็ก ควรประกอบไปด้วยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์นม ผลไม้ ผัก และธัญพืช เพื่อให้ได้รับสารอาหารครบถ้วนและส่งเสริมพัฒนาการที่ดี

 

อัปเดทข่าวใหม่ทุกวัน

Familygood  เว็บไซต์รวบความรู้เกี่ยวกับแม่และเด็ก เทคนิคการเลี้ยงลูกให้มีสุขภาพแข็งแรง อัพเดทข่าวสารใหม่ทุกวัน

ติดต่อเรา

@2024 – All Right Reserved. Designed and Developed by familygood