การที่ ลูกตัวร้อน เป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่พ่อแม่ต้องเจอบ่อยๆ และมักทำให้เกิดความกังวลใจ อย่างไรก็ตาม อาการตัวร้อนมักเป็นสัญญาณของการตอบสนองของร่างกายในการต่อสู้กับการติดเชื้อ บทความนี้จะอธิบายถึงสาเหตุและวิธีการดูแลเมื่อลูกตัวร้อน รวมถึงการติดต่อแพทย์เมื่อจำเป็น
การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายลูก
อุณหภูมิร่างกายปกติของเด็กอยู่ระหว่าง 36.5-37.5 องศาเซลเซียส (97.7-99.5 องศาฟาเรนไฮต์) โดยทั่วไปอุณหภูมิของร่างกายมักจะสูงขึ้นในช่วงเย็น การตรวจวัดอุณหภูมิที่แม่นยำควรใช้ปรอทวัดอุณหภูมิแบบดิจิตอล โดยการวัดอุณหภูมิทางทวารหนักเหมาะสมที่สุดสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี หากอุณหภูมิทางทวารหนักสูงกว่า 38 องศาเซลเซียส (100.4 องศาฟาเรนไฮต์) ถือว่ามีไข้
เมื่อไหร่ควรติดต่อแพทย์
ควรติดต่อแพทย์ทันทีหาก ลูกตัวร้อน และมีอาการดังต่อไปนี้
- อายุ 3 เดือนหรือน้อยกว่า และมีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส (100.4 องศาฟาเรนไฮต์)
- อายุไม่เกิน 2 ปี และมีไข้นานกว่า 24 ชั่วโมง
- อายุ 2 ปีขึ้นไป และมีไข้นานกว่า 72 ชั่วโมง
- มีไข้สูงกว่า 40 องศาเซลเซียส (104 องศาฟาเรนไฮต์) หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ชัก เจ็บคอรุนแรง ปวดท้องหรือหูรุนแรง ปวดหัวรุนแรง ผื่นที่ไม่ทราบสาเหตุ อาเจียนหรือท้องเสียซ้ำๆ คอแข็ง ง่วงนอนมากผิดปกติ หรืออาการงอแงรุนแรง
- ริมฝีปาก ลิ้น หรือเล็บเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน
- อาการของเด็กแย่ลงหลังจากเคยไปพบแพทย์
การดูแลลูกตัวร้อนที่บ้าน
- การให้ยาลดไข้
การให้ยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล (Acetaminophen) หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) สามารถช่วยลดอาการไข้และทำให้ลูกสบายขึ้น ควรปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากยาอย่างเคร่งครัด
ห้ามให้ยาแอสไพรินแก่เด็ก เนื่องจากแอสไพรินมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรค Reye’s Syndrome ซึ่งเป็นโรคร้ายแรง
- การทำให้ลูกสบาย
หาก ลูกตัวร้อน แต่ยังเล่นและทำกิจกรรมได้ตามปกติ ไม่จำเป็นต้องลดไข้ทันที ควรให้ลูกพักผ่อนมากๆ และหลีกเลี่ยงการเล่นที่ทำให้เหนื่อยมากเกินไป
- การให้ลูกดื่มน้ำมากๆ
การให้ลูกดื่มน้ำมากๆ จะช่วยป้องกันการขาดน้ำ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเมื่อ ลูกตัวร้อน อาการขาดน้ำสามารถแสดงออกได้โดยปากแห้ง ไม่มีน้ำตาเมื่อร้องไห้ ตาลึกโหล หรือมีอาการทั่วไปที่ดูไม่สบาย
- การปรับสภาพแวดล้อม
ควรให้ลูกนอนในห้องที่อากาศถ่ายเทสะดวก และปรับอุณหภูมิห้องให้เย็นสบาย หลีกเลี่ยงการให้ลูกใส่เสื้อผ้าหนาเกินไป
การจัดการกับไข้สูง
หาก ลูกตัวร้อน จนมีไข้สูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียส (101.3 องศาฟาเรนไฮต์) และมีอาการไม่สบาย ควรให้ยาเพื่อลดไข้ และติดตามอาการอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังสามารถใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัวลูกเพื่อช่วยลดอุณหภูมิร่างกายได้
ความสำคัญของการติดตามอาการ
การที่ ลูกตัวร้อน อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย การมีไข้เป็นวิธีการที่ร่างกายต่อสู้กับการติดเชื้อ โดยทั่วไปแล้วไข้จะหายไปภายใน 2-3 วัน หากอาการยังคงอยู่หรือแย่ลง ควรติดต่อแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติม
การดูแลเมื่อลูกมีไข้สูงกลางคืน
ในบางครั้ง ลูกตัวร้อน มักมีอาการไข้สูงในช่วงเย็นและกลางคืน เนื่องจากอุณหภูมิของร่างกายมักจะสูงขึ้นในช่วงเวลานี้ ควรให้ลูกดื่มน้ำมากๆ และให้พักผ่อนในสภาพแวดล้อมที่เย็นสบาย หากอาการยังไม่ดีขึ้น ควรให้ยาลดไข้ตามคำแนะนำบนฉลาก
สิ่งที่พ่อแม่ควรระวัง
- บางครั้งพ่อแม่อาจคิดว่าไม่ควรให้ยาลดไข้ก่อนพบแพทย์เพราะกลัวว่าจะทำให้การตรวจไม่แม่นยำ แต่ในความเป็นจริง หากลูกมีไข้สูงและไม่สบาย ควรให้ยาลดไข้ก่อนเพื่อให้ลูกสบายขึ้น
- หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1-4 ชั่วโมงหลังให้ยาลดไข้ ควรติดต่อแพทย์
การดูแลและป้องกันการติดเชื้อ
- การล้างมือบ่อยๆ: การล้างมือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ควรล้างมือก่อนและหลังการดูแลลูก
- การฉีดวัคซีน: การฉีดวัคซีนเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อบางชนิดที่อาจทำให้ ลูกตัวร้อน
- การดูแลสุขอนามัยในบ้าน: การรักษาความสะอาดในบ้าน การทำความสะอาดของเล่นและพื้นผิวที่ลูกสัมผัสบ่อยๆ จะช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
การดูแลเมื่อลูกมีไข้เป็นเรื่องที่พ่อแม่ต้องใส่ใจอย่างมาก โดยการติดตามอาการและปฏิบัติตามคำแนะนำที่เหมาะสมจะช่วยให้ลูกหายป่วยได้เร็วขึ้นและปลอดภัยมากขึ้น ถ้ามีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับอาการของลูก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสม